ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...เรื่องและภาพ
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท.
ได้ยินมานานแล้วกับคำกล่าวที่ว่าหนังสือคือตัวชี้วัดระดับการพัฒนาของแต่ละประเทศ
แต่มาเห็นประจักษ์แจ้งว่าเป็นจริงก็เมื่อมีโอกาสได้ไปร่วมงาน
Frankfurt Bookfair ที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันที่จัดขึ้นเมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้เองครับ
ก็อย่างที่รู้กันว่าสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันเป็นประเทศหนึ่งที่ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของโลกในทุกด้าน
งานบุ๊คแฟร์ของเขาก็เลยยิ่งใหญ่มหึมาระดับอินเตอร์จริง ๆ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติกับงานมหกรรมหนังสือนานาชาติที่จัดกันที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ของเราว่าเป็นงานใหญ่แล้ว
พอไปเทียบกับเขาแล้ว ยังแค่ ๑ ใน ๒๐ เห็นจะได้
ไม่ให้ใหญ่ได้ไงละครับ Frankfurts Bookfairนั้นน่ะไม่ใช่ธรรมดา
พลิกปูมประวัติความเป็นมาแล้วเป็นงานมหกรรมหนังสือที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
มีประวัติความเป็นมาเริ่มจัดกันมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ ๑๕ โน้น ก็คือกว่า
๕๐๐ ปีมาแล้ว
แม้จะมีวิกฤตการณ์ระดับโลกอย่างสงครามโลกมาขัดขวางทำให้ต้องชะงักไปบ้าง
แต่ก็ยังจัดให้มีขึ้นอยู่เป็นช่วง ๆ เรื่อยมา กระทั่งปีค.ศ.๑๙๔๙ เป็นต้นมาจึงได้จัดต่อเนื่องกันมาทุกปีจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
แค่ทางเข้าบริเวณงานก็ไม่ธรรมดาเสียแล้วครับ
เพราะมีนิทรรศการปฏิทิน
แสดงผลงานการพิมพ์ปฏิทินหลากหลายรูปแบบแบ่งเป็นหัวข้อได้แก่ ดอกไม้ กีฬา
เทคโนโลยีกับการขนส่ง อีโรติก ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ทำเอาตะลึงก็คือหนังสือภาพนู้ดทั้งหญิง ชาย (เกย์ก็ยังมี) ใส่ตู้โชว์กันหราหน้างาน
เล่นเอาสองหนุ่มไทยเราเดินเข้าไปเห็นเข้าตอนแรกตกใจกันตาเหลือก
เพราะนึกว่ามาผิดงาน
ภายในพื้นที่การจัดงานกว้างใหญ่ไพศาลถึง ๑๗๒,๕๐๐ ตารางเมตร
อัดแน่นไปด้วยหนังสือสารพัดชนิดจากนานาประเทศทั่วทุกมุมโลก
จุดแรกที่เราเข้าไปคือโถง ๕ เป็นโซน International publisher หรือผู้พิมพ์นานาชาติ
ตามบูธที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือภาพ หนังสือเด็ก และหนังสือนานาชนิด
แต่ละบูธจัดให้มีมุมหนึ่งเป็นโต๊ะประชุม
เห็นผู้ประกอบการจับกลุ่มเจรจากันอยู่อย่างเป็นการเป็นงาน
โถง ๖ เป็นชั้นที่คอการ์ตูนน่าจะตื่นตาตื่นใจ
เพราะเป็นกลุ่มของสำนักพิมพ์ที่ผลิตและจำหน่ายหนังสือเด็กและหนังสือการ์ตูน
ที่คุ้นตาก็คือสำนักพิมพ์จากญี่ปุ่นที่ขนการ์ตูนเรื่องดัง ๆ มากันครบครัน เป็นสีสันของงาน นอกจากนี้ยังมีบูธของเกาหลี
ตุรกี
และอินเดียซึ่งนอกจากจะมีร้านหนังสือหลากหลายรูปแบบแล้วยังมีการสัมมนาเรื่องอินเดียจัดโดยสถานทูตอินเดียอีกด้วย
บูธของประเทศไทยเราอยู่ในโซน E ของชั้น ๖.๑ ใกล้กับของไต้หวัน
ส่วนใหญ่เป็นสำนักพิมพ์เกี่ยวกับหนังสือเด็กและการ์ตูน
ภายในบริเวณรวมหลากหลายสำนักพิมพ์ไว้ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นบรรลือสาส์น มีเดียแม็กซ์ มูลนิธิเด็ก ซิลค์เวิร์ม
ขนการ์ตูนไทยมาร่วมประชันเต็มพิกัด
แต่ที่ดึงดูดความสนใจชาวเยอรมันได้เป็นพิเศษก็เห็นจะเป็นบริการนวดแผนไทยที่จัดพื้นที่ฟากหนึ่งของบูธไว้ให้บริการฝรั่งเข้าแถวต่อคิวกันยาวเหยียดเชียว
ในงานไม่เพียงมีแต่หนังสือเท่านั้น ยังมีเรื่องอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย เช่นที่โถง ๔
มีนิทรรศการสิ่งพิมพ์โบราณของบรรดานักสะสมของเก่า
สาธิตเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ระบบคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก โรงงานผลิตกระดาษ ตลอดจนโซนNon
Book รวมสินค้าที่ไม่ใช่หนังสือ เช่นของที่ระลึก กิฟต์ช็อป
ตลอดจนสื่อมัลติมีเดีย
ลานเอนกประสงค์ใจกลางงานเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรมอินเดียในทุกด้าน
ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี
ในอาคารหนึ่งจัดแสดงวรรณกรรมอินเดีย ภาษา ตัวอักษรในแบบต่าง ๆ รู้สึกว่าเป็นที่สนใจของชาวเยอรมันมาก
และเชื่อแน่ว่าชาวเยอรมันจะต้องมาท่องเที่ยวเมืองไทยของเรามากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย