ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...เรื่องและภาพ
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๕๙ ฉบับที่ ๑๒ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒
เสมาหินสมัยทวารวดีถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวัฒนธรรมทวารวดีในภาคอีสาน
เนื่องจากในเมืองโบราณสมัยทวารวดีในภูมิภาคอื่น ๆ
ของประเทศไม่ปรากฏการสร้างเสมาหินทรายแต่อย่างใด นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเสมาหินเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ
“วัฒนธรรมหินตั้ง” ใช้กำหนดเขตศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรมตามลัทธิบูชาผีบรรพบุรุษในยุคก่อนประวัติศาสตร์
ต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลพุทธศาสนาในสมัยทวารวดีจึงดัดแปลงหินตั้งเหล่านี้เป็นใบเสมาในพุทธศาสนาแทน
อย่างไรก็ตามเมื่อเอ่ยถึง
“ศิลปกรรมสมัยทวารวดี” น้อยคนนักจะนึกถึงจังหวัดอำนาจเจริญ ทั้งที่จังหวัดลำดับที่ ๗๕ ของประเทศไทยแห่งนี้
เป็นที่ตั้งของแหล่งโบราณคดีเสมาหินขนาดใหญ่ ที่มีรูปแบบของศิลปกรรมสมัยทวารวดีอยู่
แถมยังมีหลายแห่งเสียด้วย แต่ละแห่งก็มีจำนวนมากมาย
ถึงขนาดเรียกได้ว่าเป็นดงเสมาหินเลยทีเดียว
อุโบสถของวัดดงเฒ่าเก่าเสมารามรายรอบด้วยเสมาหิน |
แห่งแรกคือแหล่งเสมาทวารวดีดงเฒ่าเก่า อยู่ภายในบริเวณผืนป่าอันร่มรื่นด้วยแมกไม้เขียวขจีของวัดดงเฒ่าเก่าเสมาราม ปรากฏใบเสมาหินทรายขนาดใหญ่ อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๓ ปักอยู่เป็นกลุ่ม ๆ รวม ๓ กลุ่มด้วยกัน
กลุ่มแรกอยู่ภายในกำแพงแก้วบริเวณรอบอุโบสถที่สร้างขึ้นมาใหม่ไม่นาน
เสมาหินแต่ละใบมีความสูงประมาณ ๑๘๐
เซนติเมตร กึ่งกลางใบเสมาแกะสลักเป็นสันนูนทรงสามเหลี่ยมคล้ายสถูป
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า
ใบที่สภาพสมบูรณ์ที่สุดปักเด่นสง่าอยู่หน้าอุโบสถ
ส่วนใบอื่น ๆ ปักจมอยู่ในดินครึ่งหนึ่งบ้าง หักเป็นสองท่อนจมดินอยู่บ้าง ปักเรียงรายอยู่รอบอุโบสถทั้งสี่ด้าน
ประติมากรรมนาคปรก |
ลวดลายแกะสลักบนส่วนฐานเสมาหินทราย |
กลุ่มที่สอง
อยู่ถัดลงไปจากอุโบสถ บริเวณข้างวิหารจัตุรมุข ใกล้กับประติมากรรมปูนปั้นนาคปรกทรงสูงซึ่งนำโกลนหินทรายรูปทวารบาลแกะสลักขึ้นไปตั้งไว้แทนองค์พระ
บริเวณนี้พบใบเสมาปักกระจายกันอยู่หลายใบ ขนาดย่อมลงมากว่ากลุ่มแรกเล็กน้อย ลักษณะใบเสมามีสันตรงกลางแบบเดียวกัน
ความน่าสนใจอยู่ที่ใบสมบูรณ์ที่สุดตั้งอยู่กลางลาน ตรงส่วนฐานแกะสลักเป็นลวดลายพรรณพฤกษา
ต่างจากใบอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณ
จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะจะเป็นใบเสมาที่เป็นประธานในกลุ่มนี้
กลุ่มที่สาม อยู่ถัดจากกลุ่มที่สอง
ลึกเข้าไปในป่าทึบ ตามทางเดินที่มีประติมากรรมรูปปั้นฤาษีนั่งชี้มือบอกทางไปอีกประมาณ
๓๐๐ เมตร ปรากฏใบเสมาหินตั้งกระจายอยู่ในป่า
ลักษณะใบเสมามีสันตรงกลางเช่นเดียวกันกับสองกลุ่ม แต่มีใบหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเสมาประธานของกลุ่มนี้
ตั้งโดดเด่นอยู่บนฐานในลักษณะที่แตกต่าง ด้วยสันตรงกลางแกะเป็นลวดลายนูนต่ำรูปภาชนะทรงกลมอันหมายถึงหม้อน้ำศักดิ์สิทธิ์
(ปูรณฆฏะ) สัญลักษณ์มงคลตามความเชื่อของอินเดียโบราณอันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ต่อด้วยรูปกรวยยอดแหลมตอนบนเป็นรูปวงกลมคล้ายธรรมจักรในพวงมาลัยดอกไม้ เมื่อมองไกล
ๆ คล้ายรูปดอกไม้ชูช่ออย่างสวยงาม สื่อถึงของการเบ่งบานของของพุทธศาสนา
กลุ่มเสมาหินทั้งสามกลุ่มน่าจะมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันตามลำดับ โดยกลุ่มหนึ่งน่าจะเก่าแก่ที่สุด เพราะลักษณะเป็นเสมาหินทรายที่ไม่มีลวดลาย ถัดมาจึงเป็นกลุ่มสองที่มีลวดลายพรรณพฤกษาบริเวณส่วนฐาน และกลุ่มสามน่าจะใหม่ที่สุด เนื่องจากมีพัฒนาการแกะสลักตกแต่งเป็นลวดลายอย่างวิจิตร
บริเวณแหล่งเสมาทวารวดีดงเฒ่าเก่านี้ยังพบพระพุทธรูปหินทรายแบบทวารวดีตอนปลาย ชาวบ้านเรียกกันว่า
“หลวงพ่อศิลาพันปี” ปัจจุบันทางวัดได้สร้างมณฑปประดิษฐานไว้กึ่งกลางระหว่างอุโบสถกับกุฎิพระสงฆ์
ส่วนแหล่งเสมาหินทวารวดีอีกแห่งที่น่าสนใจของอำนาจเจริญคือแหล่งโบราณคดีเปือยหัวดง สมัยทวารวดีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ มีความโดดเด่นที่พบทั้งเสมาหินทรายและเสมาหินศิลาแลง
เสมาหินที่พบจะแบ่งเป็น ๓ กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มเสมาหินวัดป่าเรไร กลุ่มเสมาหินทรายดอนปู่ตา
และกลุ่มเสมาหินทรายในเขตวัดโพธิ์ศิลา
กลุ่มเสมาบริเวณวัดป่าเรไร พบเมื่อปี
พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นกลุ่มเสมาที่ถือว่าหนาแน่นมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีทั้งแบบที่ทำด้วยศิลาแลงและหินทราย โดยในจำนวนนี้ยังพบใบเสมาหินทรายลักษณะพิเศษ คือส่วนกลางของใบเสมาแกะสลักเป็นรูปหม้อน้ำรองรับปลียอดสถูป
สองฟากส่วนยอดซ้ายขวาแกะสลักเป็นรูปนกแก้วสองตัวเกาะอยู่ ซึ่งไม่เคยพบในใบเสมาทวารวดีแหล่งอื่น ๆ เลย (ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่อาคารด้านนอกพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี)
เสมาหินที่เหลือส่วนใหญ่เป็นใบเสมาที่ทำด้วยหินทรายสลักฐานเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงาย
ส่วนเสมาที่ทำด้วยศิลาแลงเป็นรูปหกเหลี่ยม รูปแปดเหลี่ยม ตกแต่งรูปร่างให้เป็นเสมา มีสันนูนตรงกลาง
และสลักส่วนฐานเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงายเท่านั้น
โดยเสมาหินทรายจะมีอายุเก่าแก่กว่าเสมาศิลาแลง เสมาเหล่านี้กระจายกันอยู่ทั่วบริเวณวัดป่าเรไร
กลุ่มเสมาหินดอนปู่ตา พบเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เช่นกัน ในบริเวณดงปู่ตาซึ่งแต่เดิมเป็นดงต้นเปือยหรือต้นตะแบกหลังโรงเรียนอนุบาล
พบกลุ่มใบเสมาหินทรายปักรวมกันอยู่ ลักษณะของใบเสมามีการแกะสลักกึ่งกลางใบในแนวตั้งเป็นรูปสันนูน
มีหลายขนาด บางใบมีขนาดสูงใหญ่ บางใบขนาดสั้น หลายใบก็แตกหักชำรุด ไม่มีใบที่มีลวดลายพิเศษ โดยมีพระพุทธรูปที่นั่งขัดสมาธิราบสมัยทวาราวดีตอนปลายเป็นประธาน
ปัจจุบันมีการปรับปรุงสถานที่ดงปู่ตาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
“ดอนปู่ตาเสมาพันปี” โดยสร้างศาลประดิษฐานพุทธรูปทวารวดีที่ชาวบ้านเรียกกันว่า
“พ่อปู่” ปูแผ่นอิฐโดยรอบ พร้อมทั้งล้อมรั้วเหล็ก บริเวณลานที่ใบเสมาหินปักระเกะระกะอยู่
กลุ่มเสมาวัดโพธิ์ศิลา ตามประวัติว่าในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ พระครูอุดมโพธิกิจเจ้าอาวาสขณะนั้นได้พบพระพุทธรูปบุเงิน
๒๓ องค์ในหม้อดิน ต่อมาทางวัดจึงได้ขุดเนินดินภายในบริเวณวัดซึ่งเดิมมีใบเสมาหินทรายสมัยทวารวดีขนาดใหญ่จำนวนมากล้มระเนระนาดจมดินอยู่
จัดเรียงใบเสมาหินให้เป็นระเบียบ ทำเป็น “ลานเสมา” ใต้ร่มเงาแมกไม้ร่มครึ้มเขียวขจี
แล้วเทปูนทับเพื่อป้องกันไม่ให้เคลื่อนย้าย (ปัจจุบันปูด้วยแผ่นศิลาแลง)
ในบริเวณนี้มีใบเสมาที่สภาพค่อนข้างสมบูรณ์อยู่เพียง
๒ ใบ แต่มีแกะสลักรูปหม้อน้ำศักดิ์สิทธิ์
(ปูรณฆฏะ) ต่อด้วยรูปกรวยยอดแหลม ตอนบนเป็นรูปวงกลมคล้ายธรรมจักร ส่วนยอดแหลมเหมือนเจดีย์มีเครื่องประดับส่วนยอด
ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนที่ชำรุดแตกหัก แต่ยังปรากฏลวดลายแกะสลักกลีบบัวที่ส่วนฐานงดงามน่าชม
คู่มือนักเดินทาง
แหล่งเสมาทวารวดีดงเฒ่าเก่า
ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดดงเฒ่าเก่าเสมาราม
บ้านหนองเรือ ตำบลนาหมอม้า อำเภอเมืองฯ จังหวัดอำนาจเจริญ จากตัวอำเภอเมืองฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๐๒ (ถนนอรุณประเสริฐ )
อำเภอเมือง-ทางแยกตำบลน้ำปลีก-วัดดงเฒ่าเก่า ก่อนถึงเทศบาลตำบลนาหมอม้าประมาณ ๗๐๐ เมตร
ทางเข้าวัดอยู่ทางขวามือ รวมระยะทางประมาณ ๒๓ กิโลเมตร
แหล่งเสมาทวารวดีเปือยหัวดง
กลุ่มแรกวัดโพธิศิลาตั้งอยู่ที่
๑๐๙ หมู่ ๖ บ้านเปือยหัวดง ตำบลเปือย อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข
๒๑๒ (ถนนชยางกูร) เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข
๒๑๓๔ ตรงทางแยกไปยังอำเภอพนา ตรงไปประมาณ ๒ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายที่แยกวัดโพธิ์ศิลา
ตรงเข้าไปประมาณ ๗๐๐ เมตร ถึงวัดโพธิ์ศิลา ส่วนกลุ่มสองวัดป่าเรไรอยู่ห่างจากวัดโพธิ์ศิลาไปทางตะวันออกอีกประมาณ
๙๐๐ เมตร และกลุ่มสามดอนปู่ตาอยู่ถัดไปทางตะวันออกอีกประมาณ
๗๐๐ เมตร ตรงข้ามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเปือยหัวดง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น