จิตรกรรมสะท้อนภาพบ้านเมืิองในสมัยรัชกาลที่ ๓ ที่มีการค้าสำเภากับจีน |
ภาคภูมิ น้อยวัฒน์...เรื่องและภาพ
ตีพิมพ์ครั้งแรกในอนุสาร อ.ส.ท. ฉบับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒
หอไตรไม้โบราณกลางน้ำ
คือจุดหมายของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ที่แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมวัดทุ่งศรีเมือง โดยมักจะผ่านเลย
“หอพระพุทธบาท” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน โดยเข้าใจว่าเป็นเพียงอุโบสถธรรมดาทั่ว ๆ
ไป
ความจริงแล้วหอพระพุทธบาทหรือที่ชาวอุบลนิยมเรียกอุโบสถวัดทุ่งศรีเมืองนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
มากกว่าหอไตรด้วยซ้ำไป เพราะเป็นสถาปัตยกรรมแรกสุดของวัดทุ่งศรีเมือง เก่าแก่ที่สุดในวัด
สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๓๘๕ โดยเจ้าคุณอริยวงศาจารย์ญานวิมลอุบลสังฆปาโมกข์
(สุ้ย หลักคำ) จากสำนักวัดสระเกศวรวิหาร ที่ได้ขึ้นมาเป็นสังฆปาโมกข์เมืองอุบลราชธานี
(ปัจจุบันคือตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด)ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๓แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
หอพระพุทธบาทหรืออุโบสถของวัดทุ่งศรีเมือง |
พระพุทธบาทจำลอง |
วัตถุประสงค์แรกสร้างก็เพื่อใช้สำหรับประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง
ซึ่งท่านเจ้าคุณพระอริยวงศาจารย์ฯ ได้จำลองพระพุทธบาทมาจากวัดสระเกศราชวรวิหาร
กรุงเทพฯ เมื่อมาจำพรรษาอยู่ที่วัดมณีวนารามหรือวัดป่าน้อย ท่านชอบไปเจริญวิปัสสนากรรมฐานบริเวณป่าหว้าชายดงอู่ผึ้ง
(บริเวณวัดทุ่งศรีเมืองในปัจจุบัน) เป็นประจำ เนื่องจากเป็นที่สงบวิเวก ท่านจึงเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่สร้าง
เมื่อสร้างหอพระพุทธบาทเสร็จแล้ว ได้พูนดินบริเวณลานหอพระพุทธบาท เพื่อป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝน
ด้วยการสร้างเป็นเขื่อนกำแพงแก้ว โดยขุดเอาดินมาจากสระด้านทิศเหนือ
ซึ่งสระนี้ต่อมาท่านได้สั่งให้ช่างสร้างหอไตรขึ้นที่กลางน้ำสำหรับใช้เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก
คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาและปรัชญาพื้นบ้าน รวมถึงตำราต่าง ๆ จึงเรียกว่า "สระหอไตร" ภายหลังเป็นการลำบากแก่พระเณรจากวัดมณีวนารามจะต้องเดินทางไปเฝ้ารักษาสิ่งของทั้งหลาย
จึงได้สร้างกุฏิขึ้นเป็นที่พำนักสำหรับพระภิกษุและสามเณรจนกระทั่งกลายมาเป็นวัดทุ่งศรีเมืองในเวลาต่อมา
ผนังหลังพระประธานเป็นภาพจิตรกรรมตอนมารผจญ |
สถาปัตยกรรมของหอพระพุทธบาทมีความโดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างรูปแบบสถาปัตยกรรมพื้นบ้านอีสานกับเมืองหลวง
ส่วนที่เป็นศิลปกรรมแบบอีสานคือโครงสร้างช่วงล่าง ได้แก่ ฐานเอวขัน บันไดนาคจระเข้
และเฉลียงด้านหน้า เป็นแบบสิมอีสาน ในขณะที่ส่วนโครงสร้างช่วงบน ได้แก่ หลังคาจั่วมีชั้นลดสองชั้น
ช่อฟ้า ใบระกา ลำยอง นาคสะดุ้ง หางหงส์ ลวดลายหน้าบัน ลายรวงผึ้ง คันทวย และซุ้มประตูหน้าต่างแบบภาคกลาง
ส่วนลวดลายแกะสลักไม้บริเวณหน้าบันและสาหร่ายรวงผึ้งมีลักษณะแบบพื้นเมืองอีสานผสมผสานแบบช่างหลวง
บริเวณแนวกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นทางเข้าตรงเสาประตูด้านในของกำแพงแก้วประดับประติมากรรมปูนปั้นระบายสีรูปบุคคลสวมเทริดกับบุคคลผมแสกกลางแบบโบราณ
นั่งคุกเขาพนมมือหันหน้าเข้าสู่พระอุโบสถคนละข้าง ด้านบนปั้นประติมากรรมรูปราชสีห์และคชสีห์แบบพื้นถิ่นนั่งหันหน้าเข้าสู่พระอุโบสถเช่นกัน
บันไดนาคจระเข้ |
ประติมากรรมราชสีห์ คชสีห์ และบุคคล บนเสาประตูทางเข้าอุโบสถ |
ภายในหอพระพุทธบาทของวัดทุ่งศรีเมือง วาดจิตรกรรมไว้บนฝาผนังทุกด้าน
ไม่มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าใครเป็นช่างเขียน
สันนิษฐานว่าเป็นช่างพื้นเมืองอุบลที่ได้รับอิทธิพลจากช่างหลวงที่กรุงเทพฯ เหนือสุดขอบผนังด้านบนวาดภาพเทพชุมนุมนั่งพนมมือหันหน้าเข้าหาพระประธาน
ถัดลงมาเป็นลายหน้ากระดานประจำยามรองรับเหล่าเทพชุมนุม
จากนั้นจะเป็นอาณาบริเวณของงานจิตกรรมไล่ลงไปจนจรดฐานหน้าต่าง
และรองรับด้วยลายหน้ากระดานซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับกรอบภาพทั้งบนและล่างสุด
กองทัพมารเข้าโจมตีพระพุทธองค์ครึ่งซ้าย ก่อนจะพ่ายแพ้ไปในภาพครึ่งขวา |
เนื้อหาของภาพจิตรกรรมเริ่มจากฝาผนังทางด้านทิศตะวันตกไล่มาทางทิศเหนือ
โดยลำดับเรื่องจากซ้ายไปขวา ได้แก่ เรื่องพุทธประวัติ วาดเป็นตอนมารผจญและตอนนาคปรก
บนผนังด้านหลังพระประธาน ผนังด้านซ้ายวาดตอนเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ (ออกบวช) ส่วนผนังด้านหน้าพระประธานวาดตอนปรินิพพาน
ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พระสาวกมาชุมนุมกัน และแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เรื่องปาจิตต์กุมารชาดก
หน้าต่างบานที่ ๑ วาดตอนท้าวปาจิตต์และนางอรพิมพ์ข้ามลำน้ำ
เรื่องมหาเวสสันดรชาดกอยู่บนผนังด้านขวาของพระประธาน
วาดตอนนครกัณฑ์ กัณฑ์หิมพานต์ กัณฑ์นวประเวศ ทานกัณฑ์ กัณฑ์ชูชก กัณฑ์กุมาร
และกัณฑ์มัทรี เรื่องไตรภูมิ อยู่ด้ายซ้ายพระประธาน
เขียนเป็นภาพสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และภาพต้นมักกะลีผลในป่าหิมพานต์
เหล่าฤาษีและคนธรรพ์ต่อสู้แย่งชิงมักกะลีผลกัน |
บนเสาหลอกซึ่งเป็นเสาไม้กลมกึ่งกลางหอพระพุทธบาทก็ยังมีการตกแต่งลวดลายและภาพปริศนาธรรม
ว่ากันว่าภาพเขียนบริเวณเสาหลอกนี้เป็นฝีมือพระครูวิโรจน์รัตโนบล
เมื่อครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งศรีเมือง เนื้อหาจิตรกรรมเป็นพุทธประวัติและทศชาติ
ความสนุกสนานของการชมภาพจิตรกรรมในหอพระพุทธบาทอยู่ที่รายละเอียดเล็ก
ๆ น้อย ๆ ที่ช่างเขียนได้สอดแทรกวิถีชีวิตของผู้คนในยุคนั้นไว้ตามผนังริมกรอบประตูหน้าต่าง
ไม่ว่าจะเป็นภาพสาวชาววังเล่นดนตรี ภาพหมอลำกลอนลำหญิงชาย เกี้ยวพาราสีกัน ภาพเด็ก ๆ เล่นกระโดดน้ำ ภาพชาวประมงเหวี่ยงแหหาปลา
ภาพจีนต้มเหล้าและขายหมู และอื่น ๆ
อีกมากมายที่ผู้มาเยี่ยมชมต้องใช้สายตาซุกซนในการค้นหาเอง
หมอลำชายหญิงเซิ้งกันอย่างอ่อนช้อย |
เจ๊กพายเรือขายเหล้า |
ชาวบ้านหาปูหาปลา (โปรดสังเกตว่าปูตัวใหญ่มาก) |
หนุ่มสาวกำลังพรอดรัก |
คู่มือนักเดินทาง
วัดทุ่งศรีเมืองตั้งอยู่เลขที่
๙๕ ถนนหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี จากทุ่งศรีเมืองตรงมาตามถนนศรีณรงค์
เลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างสำนักงานอัยการจังหวัดอุบลราชธานีประมาณ ๕๐๐
เมตรถึงวัดทุ่งศรีเมืองอยู่ทางซ้ายมือ หอพระพุทธบาทหรือพระอุโบสถอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า
เปิดให้เข้าชม ๐๘.๓๐- ๑๖.๓๐ นาฬิกา ไม่เสียค่าเข้าชม
หอไตรกลางน้ำ วัดทุ่งศรีเมือง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น