เสาเฉลียงคู่กับแสงทองของยามเย็นเหนือผืนป่าดงนาทาม |
ภาคภูมิ น้อยวัฒน์…เรื่องและภาพ
(ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร "สารใจ" ฉบับเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๔๙)
ปลายฝนต้นหนาวถือเป็นช่วงที่พิเศษครับ เนื่องจากดอกไม้ป่านานาพรรณจะสะพรั่งบานอร่ามตาน่าชม
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี นับเป็นสถานที่หนึ่งที่ผมเห็นว่าเหมาะอย่างยิ่ง
ที่จะแนะนำให้คุณผู้อ่านไปเที่ยวชมดอกไม้กัน
ด้วยองค์ประกอบหลายอย่างทำให้อุทยานแห่งนี้ถือว่าไม่ธรรมดา
โดยเฉพาะยิ่งเมื่อยามมวลบุปผาแบ่งบานด้วยแล้ว กับคำว่า “สวนสวรรค์บนดิน” ก็คงจะไม่ถือว่าเกินเลยความจริงไปแต่อย่างใด
เสาเฉลียง ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่พบเห็นได้ทั่วไป |
ความโดดเด่นแรกอยู่ที่สภาพทางธรณีวิทยา
ด้วยลักษณะเป็นที่ราบสูงสลับกับภูเขาหินทรายที่มี “พลาญ”
หรือลานหินกว้าง
ประดับประดาด้วยประติมากรรมธรรมชาติซึ่งเรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า “สะเลียง” หรือ “เสาเฉลียง”
ขนาดใหญ่น้อยกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
กลุ่มเสาเฉลียงที่มีมากมายชนิดเรียกว่าเป็น”สวนหิน” ได้อย่างเต็มปากเต็มคำอยู่ตรงภูกระบอ
ทางตอนเหนือของอุทยาน ฯ
จุดเด่นอยู่ที่เสาเฉลียงใหญ่ขนาดมหึมา กับเพิงหินรูปร่างแปลกตาที่เรียงรายกันอยู่บนลานหินอันไพศาล
มองเผิน ๆ เหมือนซากปรักหักพังของโบราณสถานขนาดยักษ์
ให้อารมณ์เร้นลับเข้มขลังอย่างบอกไม่ถูก
ด้วยความขลังของบรรยากาศ
มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ก็เลยใช้บริเวณสวนหินนี้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมบางอย่าง
ยังปรากฏภาพเขียนสีภาพคน สัตว์ และฝ่ามือ อยู่ตามผนังเพิงหินแถบภูสมุย รวมทั้งหลงเหลือซากโลงไม้ที่ขุดจากไม้ทั้งต้นอยู่ใต้เพิงหิน
บริเวณที่เรียกกันว่าภูโลง
จุดชมทิวทัศน์ผืนป่าดงนาทาม |
แต่จุดที่ถือว่าครบครันสำหรับการท่องธรรมชาติแบบแค้มปิ้งอย่างแท้จริงของอุทยานแห่งชาติผาแต้มก็คือป่าดงนาทาม
ซึ่งอยู่บนยอดเขาไม่สูงนัก ทางอุทยานฯ เขาได้จัดทำเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
จะขับรถยนต์ขึ้นไปก็ได้ แต่ต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น รถอื่น ๆ
หมดสิทธิ์ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการขี่จักรยานขึ้นไป จะเอามาเองก็ได้
หรือถ้าไม่มีทางอุทยานฯ เขาก็มีจักรยานเสือภูเขาอย่างดีให้เช่าในราคาวันละ ๒๐๐ บาท
หรือทางเลือกสุดท้ายก็คือเดินเท้าขึ้นไปครับ ชอบแบบไหนก็เลือกเอาแล้วกัน
ระหว่างทางผ่านลานหินที่เรียงรายด้วยหินรูปทรงแปลกตา ยังมีจุดน่าสนใจเล็ก
ๆ อย่างแก่งมโนราห์ น้ำตกกรีด และน้ำตกซะปัน ให้
แวะผ่อนคลายอิริยาบถอยู่เป็นระยะตามรายทาง
เบื้องบนเป็นลานกว้าง
ตอนที่ผมขับรถขึ้นไปนี่โชคดีเห็นหมูป่าแม่ลูกฝูงใหญ่วิ่งไล่กันอยู่ในทุ่งหญ้า
ได้อารมณ์ซาฟารีดีเหมือนกัน
ลัดเลาะผ่านป่าเข้าไปพักใหญ่ก็ถึงหน่วยปฏิบัติการพิเศษดงนาทามของทางอุทยานฯ ที่สร้างจากไม้ไผ่มุงหลังคาด้วยหญ้าคาสุดคลาสสิค
จะมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์
บรรยากาศดีเป็นธรรมชาติเหลือหลาย
ยามเช้ายังสามารถไปชมดวงอาทิตย์ขึ้นก่อนใคร
ๆ ในประเทศได้ที่ผาชะนะได เห็นทิวทัศน์ผืนป่าและแม่น้ำโขงทอดตัวยาวไกลสุดสายตา
ถ้าโชคดีอาจจะเห็นทะเลหมอก ปกคลุมทั่วลำน้ำ น่าตื่นตาตื่นใจ
เสาเฉลียงคู่ |
ดอกเอนอ้าสีสดใส |
หยอดน้ำพร่างพราวบนดอกไม้ |
ภาพเขียนสีที่โหง่นแต้ม |
สาย ๆ ก็มาเดินเล่นบนลานหินกว้างใหญ่ ดารดาษไปด้วยดอกไม้ป่าหลากสีสันละลานตา
ทั้งขนาดเล็ก ๆ อย่างสร้อยสุวรรณาสีเหลืองอร่าม ดุสิตาสีม่วงเข้ม
ทิพย์เกสรสีชมพูอ่อน ขนาดกลางอย่างเอนอ้าสีบานเย็น ไปจนถึงอย่างขนาดใหญ่อย่างเอื้องเหลืองพิศมร
แดงอุบล ที่ชูช่อไสว
นอกจากนี้ยังมีพืชแปลก ๆ
เช่นพืชจับแมลงอย่างจอกบ่วาย
หม้อข้าวหม้อแกงลิง อู๊ย จาระไน ไม่หวาดไหวครับ เยอะมาก ๆ
ร้อนขึ้นมาก็เดินไปน้ำตกห้วยพอกที่อยู่ต่ำลงไปจากแนวผา
ไม่ไกลจากที่ทำการหน่วย ฯ สายน้ำหลั่งไหลลดหลั่นเป็นชั้นสลับซับซ้อนสวยงาม เล่นน้ำอย่างชุ่มฉ่ำใจได้ทั้งวัน
ตะวันชายบ่ายคล้อยเปลี่ยนบรรยากาศไปชมภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ที่โหง่นแต้ม
ก่อนจะไปส่งท้ายแสงแห่งวันที่เสาเฉลียงคู่
ในตอนเย็น
เท่านี้ก็เป็นอันครบสูตรการเที่ยวป่าดงนาทาม
น้ำตกทุ่งนาเมืองทิ้งสายลงตรงหน้าผา |
เถาวัลย์ยักษ์พันปี |
พวกที่ขึ้นมาด้วยรถยนต์ก็คงต้องกลับลงตามทางเดิมครับทีนี้
แต่พวกที่มาด้วยจักรยาน หรือมอเตอร์ขา (เดินมา) สามารถที่จะเลาะเลียบไปทางผาชะนะได
ผ่านเนินสนสองใบ และหินโยกมหัศจรรย์ (มหัศจรรย์ยังไงต้องไปทดลองดู)
มาลงทางด้านน้ำตกทุ่งนาเมืองได้ เป็นน้ำตกใหญ่ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของอุทยาน ฯ
ครับ ไหลตกจากหน้าผาสูง ๓๐ เมตร
ตรงทางลงน้ำตกจะเห็นเถาวัลย์ยักษ์ขนาดมหึมาอายุกว่า ๕๐๐ ปี
มีนักท่องเที่ยวมาปีนป่ายถ่ายรูปกันตลอดทั้งวัน
น้ำตกแสงจันทร์หรือน้ำตกลงรู |
แต่มาถึงผาแต้มทั้งที ที่ห้ามพลาดก็ต้องเป็นน้ำตกแสงจันทร์หรือที่รู้จักกันในนาม”น้ำตกลงรู” ที่เกิดจากลำห้วยท่าโลง
แต่เดิมก็คงตกจากเพิงผาหินธรรมดานี่แหละครับ
แต่อยู่มาเกิดมีหินถูกกระแสน้ำพัดหมุนวนจนเจาะเพิงผาทะลุลงมาด้านล่าง
ทำให้น้ำเปลี่ยนทางมาไหลลงรูแทน กลายเป็นของแปลกไป
ล่าสุดได้ยินมาว่ามีคนเห็นว่าน้ำตกลงมาเป็นรูปหัวใจเข้าอีก
เส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกสายที่น่าสนไม่แพ้ดงนาทามเหมือนกันก็คือน้ำตกสร้อยสวรรค์ อันเกิดจากสายน้ำห้วยสร้อยที่ไหลลดหลั่นเป็นขั้นบันได
กับสายน้ำห้วยสะหนมที่ไหลทิ้งตัวลงจากหน้าผา ไหลมาบรรจบกันที่เบื้องล่าง
ลักษณะคล้ายสายสร้อย เป็นที่มาของชื่อ จากตัวน้ำตกจะมีเส้นทางเดินเลียบไปผาเจ๊ก
ผาเมย ที่ผมเคยมาครั้งก่อนเดินเข้าไปถึงน้ำตกห้วยหลักคอนได้
แต่ระยะทางค่อนข้างไกล ก่อนจะมาออกตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาแต้ม |
มาคราวนี้เส้นทางเปลี่ยนมาทางน้ำตกใหม่คือ น้ำตกขัวนางนี เจ้าหน้าที่บอกว่าทางนี้เดินใกล้กว่ากันเยอะ
น้ำตกก็สวยไม่แพ้กัน แถมขัวนางนีนี่เป็นน้ำตกรูอีกแห่งในอุทยานฯ แถมมีตั้ง ๒
รูแน่ะ เหนือกว่ากันเห็น ๆ
เส้นทางจะพามาโผล่ตรงอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเหมือนกัน
จากตรงนี้จะมีทางลงไปชมภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์อายุ ๔๐๐๐ ปี
ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต พิธีกรรมความเป็นอยู่ของคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นภาพเขียนหน้าผาแนวยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งในความเป็นที่สุดของอุทยานฯ ที่ไม่ซ้ำใครจริง ๆ
ก็อยากให้ลองมาเที่ยวกันดูครับ ปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้
เส้นทางสายดอกไม้คงไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าอุทยานแห่งชาติผาแต้มอีกแล้ว
กับความหลากหลายที่เปรียบได้กับสวนสวรรค์บนแดนดินอย่างแท้จริง
ทางอุทยาน ฯ
มีบ้านพักไว้ให้บริการ ขนาดพัก ๖ คน(พัดลม) ราคา ๑,๖๐๐ บาท/คืน ขนาดพัก ๔
คน (ปรับอากาศ) ราคา ๒,๐๐๐บาท /คืน รวมทั้งมีเต็นท์ให้เช่า เต็นท์ ๒ คน ๑๕๐
บาท เต็นท์ ๓ คน ๒๒๕ บาท เต็นท์ ๔ คน ๓๐๐บาท โดยคิดค่าบริการสถานที่กางเต็นท์ ๓๐ บาท/คืน
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม โทรศัพท์ ๐ ๔๕๒๔ ๙๗๘๐,๐ ๔๕๒๔ ๖๓๓๒ อีเมล์ PHATAEM_3@hotmail.com หรือที่
www.dnp.go.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น